เป็นการออกแรงเพื่อทำให้โลหะซึ่งส่วนมากจะเป็นแผ่นเรียบ หมุนรอบแนวแกนซึ่งอยู่ในระนาบที่ขนานกับแผ่นโลหะ โลหะจะเกิดการไหลตัวจนอยู่ในช่วงของ plastic range และคงสภาพอยู่เช่นนั้น แม้จะเอาแรงที่มากระทำออกไปแล้วก็ตาม
รูปที่ 1
α = มุมพับ ( bend angle )
ri = รัศมีของการพับ ( bend radius )
w = ความยาวของการพับ ( bend length )
ในการพับผิวด้านในจะได้รับแรงกด ( compression ) จึงหดตัว ส่วนผิวด้านนอกได้รับแรงดึง ( tension ) จึงยืดตัวออก
สำหรับการพับแบบ free bend มักจะเกิดปัญหาที่แนวกลางของส่วนโค้ง มักจะเว้าลงดังในรูปที่ 3.2 ( a ) ซึ่งแสดงให้เห็นดังรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า abcd ซึ่งอยู่ตรงแนวกลางของส่วนโค้ง จะเว้าลงเนื่องจากผิวด้านนอกยืดตัวออกตามแนวที่ตั้งฉากกับความยาวของการพับ ( bend length ) จึงทำให้เนื้อโลหะซึ่งอยู่ในแนวสันของการพับหดตัวเข้ามา
รูปที่ 2 การเกิดรอยเว้าตรงแนวสันของการพับ
การเกิดรอยเว้าที่สันของการพับนี้ มีสาเหตุมาจากอัตราส่วนระหว่าง ri / t ด้วย คือ ถ้าอัตราส่วนนี้มีค่าน้อย รอยเว้าจะเกิดมาก แต่ถ้า ri / t มีค่ามาก รอยเว้านี้ก็จะเกิดขึ้นน้อย นอกจากนี้ความยาวของการพับ ( bend length ) ก็มีผลด้วย คือถ้า w มีค่ามากรอยเว้านี้จะเกิดน้อยมาก ดูรูปที่ 3.2 (b) จะเห็นว่าเมื่อ w มีค่ามาก ตรงกลางของส่วนตัดตรงเส้นโค้งนี้จะตรง และที่ปลายทั้งสองข้างจะโค้งขึ้นเล็กน้อย แต่ถ้า w มีค่าน้อย รอยเว้าก็จะมีมากเหมือนกับในรูปที่ 2 (a)
2 รัศมีของการพับ (Bend Radian)
ในการออกแบบแม่พิมพ์พับโลหะนั้น ผู้ออกแบบจะต้องทราบถึงค่าจำกัดของรัศมีของการพับโลหะด้วย เพราะโลหะแต่ละชนิดมีค่าจำกัดของรัศมีของการพับที่น้อยที่สุดต่างกัน หากไม่คำนึงถึงค่าเหล่านี้แล้ว อาจทำให้เกิดปัญหาในการพับโลหะได้ ค่ารัศมีของการพับนี้จะบอกเป็นค่ารัศมีทางด้านในของส่วนโค้ง ดังรูปที่ 3.3 โดยทั่วๆไป รัศมีของการพับไม่ควรต่ำกว่า 1 เท่าของความหนาของโลหะที่จะพับ
รูปที่ 3
ri = รัศมีของการพับ
Sb = set back
Ab = bend allowance
α = มุมพับ
t = ความหนาโลหะ
รูปที่ 4 ทิศทางของ grain
St = tensile strength
A = ทิศทางในการพับตั้งฉากกับทิศทางของ grain ของโลหะ
B = ทิศทางในการพับ ขนานกับ ทิศทางของ grain
I = โลหะที่ผ่านขบวนการ heat treatment เพื่อทำให้อ่อนตัวลง
II = โลหะที่ไม่ผ่านกระบวนการ heat treatment
3 ประเภทของ งานพับ
ลักษณะโดยทั่วๆไปของงานพับจะมีอยู่ 3 ลักษณะ คือ
1.การพับแบบรูปตัว V
2.การพับแบบรูปตัว U
3.การพับแบบรูปตัว L
4 การพับแบบรูปตัว V ( V-Bend )
สามารถแบ่งออกได้เป็น 2 ประเภท คือ
1.การพับแบบโล่ง ( air bend ) คือชิ้นงานจะขึ้นรูปตามรูปร่างของ punch ส่วนที่ die จะมีลักษณะแบบเปิดโล่ง โดยมีส่วนที่รองรับชิ้นงานอยู่ 2 จุดเท่านั้น ดูรูปที่ 3.6 a
2.การพับแบบอัดตัว คือ ชิ้นงานจะมีรูปร่างตามรูปร่างของ punch ส่วนที่ die ซึ่งที่ die จะเป็นแบบตัน จะช่วยให้ผิวด้านล่างของโลหะได้รับแรงกระทำอย่างทั่วถึง ดูรูปที่ 3.6 b
รูปที่ 3.6 เปรียบเทียบลักษณะของการพับแบบเปิดโล่งและแบบอัดตัว
ตารางที่ 3.2 แรงของการพับรูปตัว V แบบเปิดโล่ง (air bend) ความกว้างของ Die opening
4.1 การหาค่าแรงพับของการพับแบบเปิดโล่ง
Pbv = C1 σ b wt2 ………………..(3.1)
1000L
Pbv = แรงพับ ( bending force )
C1 = ค่าคงที่ ( ดูจากรูปที่ 3.8 )
σ b = tensile strength ( kg/ mm2 )
w = ความยาวของการพับ ( bend length ) mm
t = ความหนาโลหะ mm
L = die opening mm